เช้านี้เราตื่นกัน 6.30 น.มีกาแฟ น้ำขิง ขนมปัง มาม่า ผลไม้ กินเป็นอาหารเช้า ภารกิจ ที่ต้องทำเช้านี้ ให้เรียบร้อยก่อนออกไปเที่ยว ต้องจองตั๋วเดินทางจาก Sazburg ไป Fussen ให้ทันเวลา 9.30 น. เพื่อเข้าชมปราสาทในวันที่ 16 เนื่องจากเราได้ซื้อตั๋วเข้าชมปราสาทจากเมืองไทยไว้เรียบร้อยแล้ว และหาเช่ารถที่จะเที่ยวเมือง Hallstatt จากแผนเดิมที่ดูไว้ในเมืองไทย คร่าวๆ เราจะพักที่ เมืองซาลซ์บูร์ก 1 คืน ด้วยเวลาของตั๋วเข้าชมปราสาทต้องไปให้ทัน จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนแผนการเดินทางใหม่ สรุปต้องเดินทางกันตอนกลางคืน ในวันที่ 15 เดินทางจาก Sazburg เวลา 20.50 น. ไปลง Munchen 24.00 น. ราคา 450 บาท และจาก Munchen เวลา 05.00 น. ไปที่ Fussen ถึงเวลา 7.00 น. ราคา 513 บาท จองทุกอย่างเรียบร้อย ประมาณ 10 โมงเช้า เตรียมออกไปเที่ยวในกรุงเวียนนากันต่อ อากาศวันนี้เย็นสบายดีไม่ต้องใส่เสื้อแจ็คเก็ต แต่ก็เตรียมบางส่วนใส่กระเป๋ากันไป ดูสถานที่ที่จะออกไปเที่ยวกันในวันนี้ ที่แรกคือ พระราชวังเชินบรุนน์ เป็นสถานที่ที่ใครมาเที่ยวเวียนนาห้ามพลาดที่นี่เด็ดขาด ออกจากที่พัก เดินไปขึ้นรถไฟ เปิด google map บอกทาง เดินไปตามเส้นทาง จะพบว่าที่พักของเราอยู่ใกล้ๆ กับ มหาวิหาร Stephansdom จัตุรัส Stephansplatz ที่เรามาเดินเล่นกันเมื่อวาน มีโบสถ์อยู่ใกล้ที่พัก ภาพด้านล่างจำชื่อไม่ได้ แวะเสร็จเราก็เดินไปที่สถานีรถไฟกันต่อ

วันนี้เราซื้อตั๋วรถไฟ ผ่านตู้หยอดเหรียญที่ราคารถไฟ มีราคาผู้สูงอายุลดให้ด้วย และก็ใช้บริการห้องน้ำที่สถานี เช่นกัน ห้องน้ำสะอาด ราคา 50 เซน

เรานั่งรถไฟ มาลงที่สถานี Schonbrunn เดินขึ้นข้างบนข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม จะเป็นที่ตั้งของพระราชวัง

เข้ามาในพื้นที่พระราชวังเชินบรุนน์ ต้องซื้อตั๋วเพื่อเข้าชม มีราคาให้เลือก จะเข้าชมในพื้นที่ไหน จำนวนกี่ห้อง เราเลือกซื้อตั๋ว Classic Pass 31 ยูโร 1,150 บาท เข้าชม 22 ห้อง ระบบ Audioguide จำนวนนักท่องเที่ยวมีเป็นจำนวนมาก ที่รอต่อคิวซื้อตั๋ว ที่นี่เป็นพระราชวังที่พักฤดูร้อนของราชวงศ์ฮับส์บูร์ก ใหญ่ที่สุด ของประเทศออสเตรีย พระราชวังอันงดงามแห่งนี้ได้สร้างตามแบบพระราชวังแวร์ซายส์ในประเทศฝรั่งเศส ภายในตัวพระราชวังมีการตกแต่งอย่างงดงาม มีห้องต่างๆ มากถึง 1,441 ห้อง แต่มีเพียง 40 ห้องเท่านั้นที่เปิดให้เข้าชมได้ และมีพื้นทีสวนรอบๆ เปิดให้ชมฟรี พระราชวังเชินบรุนน์ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกตั้งแต่ปี 1996

ซื้อตั๋วเสร็จ ประมาณ เที่ยงรอรอบที่จะเข้าชมประมาณบ่ายครึ่ง ภายในมีซุ้มขายสินค้า เดินเล่นดูซุ้มต่าง ๆ หาขนมกินเป็นอาหารเที่ยง

ใกล้เวลาเข้าชม เดินไปยังด้านในพระราชวัง ใหญ่โตมาก ด้านในมีห้องน้ำเข้าฟรี ส่วนด้านนอกบริเวณซื้อตั๋วเสียค่าเข้า 50 เซน เราไปใช้บริการกันเรียบร้อย ทั้งสองแห่ง ไม่อนุญาติให้นำกระเป๋าเข้า ต้องฝากไว้ที่เคาว์เตอร์ รับ Audioguide เสียบหูฟังคำบรรยาย จะมีเจ้าหน้าที่ตรวจเช็คทางเข้า ปล่อยให้เดินไปในแต่ละห้อง เดินจนครบ 22 ห้อง สวยงามสมราคาค่าเข้ามาก ได้เห็นบรรยากาศความรุ่งเรืองของชาวยุโรปยุคราชวงศ์ฮับส์บูร์ก อลังการมาก

ออกจากการเข้าชมห้องต่างๆในพระราชวังเชินบรุนน์ เวลาประมาณบ่้่ายสองโมงครึ่ง เลือกที่จะไปเที่ยวกันต่อที่พระราชวังเบลเวอเดียร์ (Belvedere Palace) ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 18 ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงและเก็บผลงานศิลปะที่ดีที่สุดของกรุงเวียนนา และเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เดินทางโดยรถไฟใช้ตั๋วเดิม ไปถึงพระราชวังเกือบบ่าย 3 โมงครึ่งเดินจากป้ายรถเมล์ไปที่พระราชวัง ไม่รีบ แวะถ่ายรูปเก็บบรรยากาศตามเส้นทาง ไปตลอด ไปถึงที่จำหน่ายตั๋ว 4 โมงเย็น ค่าเข้าชม 555 บาท ปิดเวลา 5 โมง ต้องรีบเดินชมภาพวาดในแต่ละห้อง ในพระราชวังมีห้องน้ำให้เข้าฟรี ใช้บริการกันหลายรอบก่อนออก

เดินออกจากพระราชวัง เกือบ 6 โมงเย็น หาร้านอาหารกินกันตอนค่ำ ตัดสินใจนั่งรถกลับ ไปเดินแถวใกล้ๆ ที่พัก เดินออกประตูฝั่งตรงข้าม ทางเข้าเดิม เจอดอกทิวลิป กำลังเบ่งบานสวยงามมาก แวะชมดอกทิวลิป

เดินมาต่อที่ป้ายรถไฟ นั่งรถมาลง ที่ Opera เดินหาร้านอาหาร ได้ร้านนั่งกินด้านนอก ข้างในของร้านก็มีพื้นที่ใหญ่ แต่เราเลือกด้านนอกอยากได้บรรยากาศ ริมทางเดิน

กินเสร็จ เดินเล่น นั่งรถไปต่อสถานี่ใกล้ที่พัก ซึ่งอยู่ไม่ไกลมาก เดินดูบรรยากาศยามค่ำคืน ผ่านมหาวิหาร Stephansdom ได้เก็บภาพของที่นี่ตอนกลางคืนเพิ่มเติม

เดินใกล้ถึงที่พัก พี่เราอยากได้บรรยากาศนั่งดื่มกาแฟ ต่อ ยามค่ำคืน ได้แวะดื่มกาแฟกันต่อเกือบ 5 ทุ่มถึง ที่พัก อาบน้ำพักผ่อน ต้องตื่นตอนตี 5 ก่อนนอนน้องสาวเราได้จัดการเรียกรถแท็กซี่มาเตรียมรับ เพื่อไปขึ้นรถไฟจากเวียนนาไป เมืองซาลซ์บูร์ก เวลา 6.00 น. ค่าใช้จ่ายสำหรับวันนี้รวมทั้งสิ้น 2,926 บาท